พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เบี้ยแก้ หลวงปู...
เบี้ยแก้ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว
เบี้ยแก้ คือ เครื่องรางชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอุปเท่ห์การใช้มากมายหลายอย่าง ทั้งกันและแก้สิ่งชั่วร้ายเสนียดจัญไร คุณไสย คุณคน คุณผี บาเบื่อ ยาเมา ทั้งหลาย คณาจารย์ยุคเก่าที่สร้างเครื่องรางประเภทเบี้ยแก้
เอาไว้มีด้วยกันหลายรูป แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เห็นจะมีอยู่เพียง ๒ รูปคือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และหลวงปู่รอด วัดนายโรง

เมื่อหาตัวเบี้ยมาได้แล้ว (เบี้ยพวกนี้ไม่ค่อยพบในบ้านเรา สมัยก่อนต้องหาซื้อตามร้านเครื่องยาจีน เข้าใจว่าเบี้ยที่นำมาใช้นี้จะถูกนำเข้ามาพร้อมกับสินค้าจากประเทศจีนในอดีต.....) คณาจารย์ผู้สร้างก็บรรจุปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปในตัวเบี้ย แล้วหาวิธีอุดมิให้ปรอทไหลออกมาได้ (ปรอทที่ใช้นี้เป็นปรอท หรือปรอทดินโบราณมีวิธีการจับปรอทโดยนำไข่เน่าไปทิ้งไว้ในน้ำครำไม่ช้าปรอทจะกินไข่เน่าจนเต็ม)ปรอทมีคุณสมบัติเป็นของเหลวลื่นไหลการจะนำปรอทมาบรรจุเบี้ยแก้ คณาจารย์ผู้สร้างจำต้องมีพระเวทเข้มขลัง เพราะต้องใช้พระเวทฆ่าปรอทหรือบังคับให้ปรอทรวมตัวกันอยู่ในเบี้ยบางราย ถึงกับบริกรรมพระเวทเรียกปรอทเข้าในตัวเบี้ยได้เอง การปิดปากเบี้ยเพื่อกันไม่ให้ปรอทไหลออกมาได้นั้นนิยมเอาชันโรงใต้ดิน ที่ปลุกเสกแล้วมาอุดใต้ท้องเบี้ยให้สนิทเรียบร้อย แล้วจึงหุ้มด้วยวัสดุอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ผ้าแดง แผ่นตะกั่วแผ่นทองแดง วัสดุที่ใช้หุ้มหรือปิดนี้ก็ต้องลงอักขระเลขยันต์และปลุกเสกกำกับด้วย เช่นเบี้ยแก้หลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้วจะมีลวดทองแดงขดเป็นห่วง ๓ ห่วง เพื่อให้ใช้เชือกคล้องคาดเอวเบี้ยแก้ที่ผ่านการบรรจุปรอทจนกระทั่งถักหุ้มเรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่ถือว่าเสร็จสิ้นขึ้นตอนกรรมวิธี เพราะคณาจารย์เจ้าผู้สร้างท่านต้องปลุกเสกกำกับอีกจนมั่นใจว่าใช้ได้จริงๆ แล้วเล่ากันว่า คณาจารย์บางรูปและสามารถปลุกเสกเบี้ยแก้จนตัวเบี้ยคลานได้เหมือนหอย

เบี้ยแก้สูตร วัดกลางบางแก้ว (ของหลวงพ่อเจือ) ถ้าอยากได้ ต้องไปขอบูชาที่ กุฎิหลวงพ่อโดยตรง รับกับมือหลวงพ่อ
...หลวงปู่เจือ ท่านสืบสานกันมาตามตำราโดยตลอด นับจากหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม วัสดุสำคัญที่ใช้ในการทำเบี้ยแก้ ก็คือ เบี้ยแก้ขนาดกำลังพอดี สำหรับการกรอกปรอทให้ครบน้ำหนัก หนึ่งบาท ชันโรงสำหรับอุดปากเบี้ย แผ่นตะกั่วสำหรับตีปิดหุ้มตัวเบี้ย แล้วก็ปรอทที่ใช้ในการกรอกใส่ตัวเบี้ยครับผม ในภาพคือขั้นตอนที่หลวงปู่ท่านกรอกปรอทพร้อมบริกรรมคาถา เมื่อตีตะกั่วหุ้มเบี้ยเรียบร้อยแล้ว ก็จะเอาเบี้ยทั้งหมดใส่ถาดมาให้หลวงปู่จารอักขระและเ สกอีกครั้งก่อนห่อเบี้ยด้วยผ้าและส่งให้คนถักด้ายและติดห่วงและ ลงรักเป็นขั้นตอนสุดท้าย

มีคนโบราณเขียนถึงสรรพคุณของเบี้ยแก้ไว้ว่า...

เบี้ยแก้ตัวนี้สำคัญนัก พ่อค้าแม่ขายจักหมั่นไหว้บูชา จะไต่เต้าเจ้าสัวแสนทะนาน ลาภเต็มห้อง ทองเต็มไห ขุนนางใดมีไว้ในตัว ดีนักแล จะให้คุณเป็นถึงท้าวเจ้าพระยา พานทอง........

เบี้ยแก้ เป็นเครื่องราง...อย่างหนึ่งของไทยที่คุ้นหูในสมัยก่อน แต่สมัยนี้ ไม่ค่อยมีคนรู้จักกันแล้ว เกจิอาจารย์ท่านสร้างจากการบรรจุปรอท ที่ปลุกเสกแล้ว เข้าไว้ในตัวเบี้ยจั่น แล้วหาวิธีอุดไว้ไม่ให้ ปรอทหนีออกมาข้างนอก เวลาเขย่าจะได้ยินเสียงปรอทกระฉอกไปมาเสียงดังขลุกๆ ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เสียงหนักเบาขึ้นอยู่กับปริมาณมากน้อยของปรอทที่บรรจุ เสียงขลุกๆของปรอท ยังขึ้นอยู่กับฤดูกาล ถ้าเบี้ยแก้ตัวที่บรรจุปรอทมาก เขย่าในฤดูร้อน มักไม่ได้ยินเสียง แต่ถ้าเขย่าในฤดูหนาว เสียงจะดังฟังชัดเจน เบี้ยแก้บางตัว มีเสียงขลุกไพเราะ ขลุกหลายจังหวะ มีเสียงหนักเบาสลับกันไป เหมือนนักร้องมีลูกคอหลายชั้น หรือนกเขาเสียงคู่ เสียงเอกที่มีลูกเล่นหลายชั้น

เบี้ยแก้ที่ขึ้นชื่อ มีหลายสำนัก หนังสือเปิดตำนานเครื่องรางของขลังเมืองสยาม คุณ สมชาย โตมั่น มีรายละเอียดว่า แต่ละสำนัก มีวิธีบรรจุปรอทและวิธีอุดต่างกัน เบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครชัยศรี เมื่อท่านบรรจุปรอทลงในเบี้ยจั่นแล้ว ก็เอาชันโรงใต้ดินที่ปลุกเสกแล้ว อุดยาบริเวณปากร่องใต้ท้องเบี้ย แล้วจึงหุ้มด้วยผ้าแดงลงอักขระเลขยันต์ จากนั้นก็เอาด้ายถักหุ้ม ใช้ลวดทองแดงขดเป็นห่วงไว้คล้องคอหรือร้อยเชือกคาดเอว

มาว่ากันถึงสาย วัดกลางบางแก้ว เท่าที่สืบค้นได้นั้น หลวงปู่บุญท่านเรียนวิชาเบี้ยแก้มาจาก หลวงปู่ทอง วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่บุญท่านสร้างเบี้ยแก้ให้แก่ศิษย์โดยท่านผู้ที่จะมาขอทำเบี้ยแก้นั้นจะต้อง นำปรอทหนัก 1 บาท ชันโรงใต้ดิน หอยเบี้ย นับให้ได้ฟัน 32 ซี่ แผ่นตะกั่ว บางรายก็หาผ้าแดงมาด้วย แล้วจึงนำสิ่งของทั้งหมดใส่ถาดพร้อมดอกไม้ธูปเทียน มาถวายหลังจากที่หลวงปู่ท่านทำอุโบสถเช้าหรือเย็นเสร็จแล้ว

หลวงปู่จะปลุกเสกปรอทแล้วจึงบรรจุปรอทลงในหอยเบี้ย แล้วนำชันโรงมาปิดปากเบี้ย จากนั้นท่านก็บริกรรมพระเวท แล้วจึงให้นำไปหุ้มตะกั่วกับพระในวัดจนเสร็จเรียบร้อยจึงนำกลับมาให้ท่านลงอักขระอีกทีหนึ่ง และปลุกเสกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงมอบเบี้ยให้เจ้าของนำไปถักเชือกเอาตามใจชอบ ส่วนมากก็ให้พระภายในวัดช่วยถักให้ บ้างก็ลงรัก บ้างก็ลงยางมะพลับ เพื่อให้เชือกที่ถักมีความคงทน

หลังจากสิ้นหลวงปู่บุญแล้ว ศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดต่อมาก็คือหลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เพิ่มท่านก็ได้สร้างเบี้ยแก้ด้วยกรรมวิธีแบบเดียวกับหลวงปู่บุญ และมีความขลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ต่อมาเมื่อหลวงปู่เพิ่มท่านชราลงมามากแล้ว ท่านจึงครอบวิชาทำเบี้ยแก้ให้แก่ท่านอาจารย์ใบทำเบี้ยแก้ต่อจากท่าน

จนปัจจุบันนี้ผู้ที่สืบทอดต่อมาก็คือหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้วนั่นเองครับ หลวงปู่เจือท่านช่วยหลวงปู่เพิ่มสร้างเบี้ยแก้มาตลอด เมื่อเวลาหลวงปู่เพิ่มท่านบรรจุปรอทลงเบี้ยแล้วท่านก็จะบอกให้นำเบี้ยไปให้หลวงปู่เจือหุ้มตะกั่วแล้วจึงนำมาให้ท่านลงอักขระปลุกเสกต่อ การทำเบี้ยแก้ สายวัดกลางบางแก้วปัจจุบันก็คือหลวงปู่เจือนี่แหละครับ เบี้ยของท่านทำได้ขลังเหมือนกันครับ หาเบี้ยแก้ที่ไหนไม่แน่ใจก็จะบอกให้ ไปที่วัดกลางบางแก้ว ไปถามหากุฏิหลวงปู่เจือดู ท่านอยู่ที่กุฏิริมแม่น้ำ บอกให้นิดหนึ่งว่าถ้าไม่เจอหลวงปู่ก็ให้ไปที่มูลนิธิหลวงปู่เจือ เขามีของที่หลวงปู่ทำไว้ ทำบุญไม่กี่บาทก็ได้มาแล้วครับ อ้อไปแล้วก็อย่าลืมขอเม็ดยาจินดามณีมาด้วยเลยถ้าที่วัดเขายังพอมีเหลือเดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก

ทั้งเบี้ยแก้และยาจินดามณีของหลวงปู่เจือนั้น ผมใช้อยู่เป็นประจำได้ผลมามากแล้ว ลูกชายผมตอนเด็กๆ นั้นเคยถูกตัวอะไรต่อยเอาก็ไม่ทราบเพราะไม่ยอมบอก พอตกกลางคืนประมาณห้าทุ่มกว่าๆ ถึงมาบอก ปรากฏว่าตัวร้อนมาก ที่มือบวมเป่งจนกำมือไม่ได้ และบริเวณมือร้อนมาก ผมก็รีบแต่งตัวเตรียมพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล ก็นึกขึ้นได้ว่ามีเบี้ยแก้ของหลวงปู่อยู่จึงนำเบี้ยมาอธิษฐาน ขอให้ท่านช่วยลูกชายด้วย แล้วจึงนำไปวางที่แผล ปรากฏว่า ผมเองยังไม่ทันแต่งตัวเสร็จเลย ลูกชายบอกว่าไม่ต้องไปหาหมอแล้ว ค่อยยังชั่วแล้ว ผมก็เอามือจับตัวและที่แผลดู ปรากฏว่าตัวไม่ร้อนแล้ว จึงนึกว่าหลวงปู่ช่วยแล้วคงไม่เป็นไร แต่ก็คอยดูอยู่ตลอดคืน เจ้าลูกชายผมนอนหลับสบายตลอดคืนนั้น พอรุ่งเช้า มาดูที่แผลกลับหายเป็นปลิดทิ้ง ที่บวมก็หาย ยุบลงเป็นปกติ หนังที่เคยบวมเป่งก็กลับเหยี่ยวลง ไม่เป็นอะไรเลย

เบี้ยแก้เป็นอิทธิวัตถุชั้นหนึ่ง เตือนใจให้สะดุ้งกลัวภัยที่มองไม่เห็น หากบุคคลใดมีไว้เป็นสมบัติ นำติดตัวโดยคาดไว้กับเอวหรือโดยประการอื่น ย่อมปกป้องภยันตรายได้ทั้งปวง เป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุดคงกระพันทุกประการ คุ้มกันเสนียดจัญไร คุณไสย ยาสั่งและการกระทำย่ำยี ทั้งหลายทั้งปวงได้ชะงัด...นักแล
ผู้เข้าชม
5406 ครั้ง
ราคา
คุยกันครับ
สถานะ
มาใหม่
โดย
ชื่อร้าน
นนท์ มหาโชค
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
0890999979
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
somemanน้ำตาลแดงErawanภูมิ IRfuchoo18Muthita
Zomlazzaliว.ศิลป์สยามปุณยนุชแหลมร่มโพธิ์tplasโจ๊ก ป่าแดง
เอก พานิชพระเครื่องokprakaew กจ.เปียโนเอี่ยวเสรีไทยBAINGERN
ปลั๊ก ปทุมธานีstp253ทองธนบุรีบ้านพระสมเด็จบ้านพระหลักร้อยหริด์ เก้าแสน
chaithawatPoosuphan89สยามพระเครื่องไทยngamkamolratchupongBeerchang พระเครื่อง

ผู้เข้าชมขณะนี้ 881 คน

เพิ่มข้อมูล

เบี้ยแก้ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
เบี้ยแก้ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว
รายละเอียด
เบี้ยแก้ คือ เครื่องรางชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอุปเท่ห์การใช้มากมายหลายอย่าง ทั้งกันและแก้สิ่งชั่วร้ายเสนียดจัญไร คุณไสย คุณคน คุณผี บาเบื่อ ยาเมา ทั้งหลาย คณาจารย์ยุคเก่าที่สร้างเครื่องรางประเภทเบี้ยแก้
เอาไว้มีด้วยกันหลายรูป แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เห็นจะมีอยู่เพียง ๒ รูปคือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และหลวงปู่รอด วัดนายโรง

เมื่อหาตัวเบี้ยมาได้แล้ว (เบี้ยพวกนี้ไม่ค่อยพบในบ้านเรา สมัยก่อนต้องหาซื้อตามร้านเครื่องยาจีน เข้าใจว่าเบี้ยที่นำมาใช้นี้จะถูกนำเข้ามาพร้อมกับสินค้าจากประเทศจีนในอดีต.....) คณาจารย์ผู้สร้างก็บรรจุปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปในตัวเบี้ย แล้วหาวิธีอุดมิให้ปรอทไหลออกมาได้ (ปรอทที่ใช้นี้เป็นปรอท หรือปรอทดินโบราณมีวิธีการจับปรอทโดยนำไข่เน่าไปทิ้งไว้ในน้ำครำไม่ช้าปรอทจะกินไข่เน่าจนเต็ม)ปรอทมีคุณสมบัติเป็นของเหลวลื่นไหลการจะนำปรอทมาบรรจุเบี้ยแก้ คณาจารย์ผู้สร้างจำต้องมีพระเวทเข้มขลัง เพราะต้องใช้พระเวทฆ่าปรอทหรือบังคับให้ปรอทรวมตัวกันอยู่ในเบี้ยบางราย ถึงกับบริกรรมพระเวทเรียกปรอทเข้าในตัวเบี้ยได้เอง การปิดปากเบี้ยเพื่อกันไม่ให้ปรอทไหลออกมาได้นั้นนิยมเอาชันโรงใต้ดิน ที่ปลุกเสกแล้วมาอุดใต้ท้องเบี้ยให้สนิทเรียบร้อย แล้วจึงหุ้มด้วยวัสดุอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ผ้าแดง แผ่นตะกั่วแผ่นทองแดง วัสดุที่ใช้หุ้มหรือปิดนี้ก็ต้องลงอักขระเลขยันต์และปลุกเสกกำกับด้วย เช่นเบี้ยแก้หลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้วจะมีลวดทองแดงขดเป็นห่วง ๓ ห่วง เพื่อให้ใช้เชือกคล้องคาดเอวเบี้ยแก้ที่ผ่านการบรรจุปรอทจนกระทั่งถักหุ้มเรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่ถือว่าเสร็จสิ้นขึ้นตอนกรรมวิธี เพราะคณาจารย์เจ้าผู้สร้างท่านต้องปลุกเสกกำกับอีกจนมั่นใจว่าใช้ได้จริงๆ แล้วเล่ากันว่า คณาจารย์บางรูปและสามารถปลุกเสกเบี้ยแก้จนตัวเบี้ยคลานได้เหมือนหอย

เบี้ยแก้สูตร วัดกลางบางแก้ว (ของหลวงพ่อเจือ) ถ้าอยากได้ ต้องไปขอบูชาที่ กุฎิหลวงพ่อโดยตรง รับกับมือหลวงพ่อ
...หลวงปู่เจือ ท่านสืบสานกันมาตามตำราโดยตลอด นับจากหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม วัสดุสำคัญที่ใช้ในการทำเบี้ยแก้ ก็คือ เบี้ยแก้ขนาดกำลังพอดี สำหรับการกรอกปรอทให้ครบน้ำหนัก หนึ่งบาท ชันโรงสำหรับอุดปากเบี้ย แผ่นตะกั่วสำหรับตีปิดหุ้มตัวเบี้ย แล้วก็ปรอทที่ใช้ในการกรอกใส่ตัวเบี้ยครับผม ในภาพคือขั้นตอนที่หลวงปู่ท่านกรอกปรอทพร้อมบริกรรมคาถา เมื่อตีตะกั่วหุ้มเบี้ยเรียบร้อยแล้ว ก็จะเอาเบี้ยทั้งหมดใส่ถาดมาให้หลวงปู่จารอักขระและเ สกอีกครั้งก่อนห่อเบี้ยด้วยผ้าและส่งให้คนถักด้ายและติดห่วงและ ลงรักเป็นขั้นตอนสุดท้าย

มีคนโบราณเขียนถึงสรรพคุณของเบี้ยแก้ไว้ว่า...

เบี้ยแก้ตัวนี้สำคัญนัก พ่อค้าแม่ขายจักหมั่นไหว้บูชา จะไต่เต้าเจ้าสัวแสนทะนาน ลาภเต็มห้อง ทองเต็มไห ขุนนางใดมีไว้ในตัว ดีนักแล จะให้คุณเป็นถึงท้าวเจ้าพระยา พานทอง........

เบี้ยแก้ เป็นเครื่องราง...อย่างหนึ่งของไทยที่คุ้นหูในสมัยก่อน แต่สมัยนี้ ไม่ค่อยมีคนรู้จักกันแล้ว เกจิอาจารย์ท่านสร้างจากการบรรจุปรอท ที่ปลุกเสกแล้ว เข้าไว้ในตัวเบี้ยจั่น แล้วหาวิธีอุดไว้ไม่ให้ ปรอทหนีออกมาข้างนอก เวลาเขย่าจะได้ยินเสียงปรอทกระฉอกไปมาเสียงดังขลุกๆ ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เสียงหนักเบาขึ้นอยู่กับปริมาณมากน้อยของปรอทที่บรรจุ เสียงขลุกๆของปรอท ยังขึ้นอยู่กับฤดูกาล ถ้าเบี้ยแก้ตัวที่บรรจุปรอทมาก เขย่าในฤดูร้อน มักไม่ได้ยินเสียง แต่ถ้าเขย่าในฤดูหนาว เสียงจะดังฟังชัดเจน เบี้ยแก้บางตัว มีเสียงขลุกไพเราะ ขลุกหลายจังหวะ มีเสียงหนักเบาสลับกันไป เหมือนนักร้องมีลูกคอหลายชั้น หรือนกเขาเสียงคู่ เสียงเอกที่มีลูกเล่นหลายชั้น

เบี้ยแก้ที่ขึ้นชื่อ มีหลายสำนัก หนังสือเปิดตำนานเครื่องรางของขลังเมืองสยาม คุณ สมชาย โตมั่น มีรายละเอียดว่า แต่ละสำนัก มีวิธีบรรจุปรอทและวิธีอุดต่างกัน เบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครชัยศรี เมื่อท่านบรรจุปรอทลงในเบี้ยจั่นแล้ว ก็เอาชันโรงใต้ดินที่ปลุกเสกแล้ว อุดยาบริเวณปากร่องใต้ท้องเบี้ย แล้วจึงหุ้มด้วยผ้าแดงลงอักขระเลขยันต์ จากนั้นก็เอาด้ายถักหุ้ม ใช้ลวดทองแดงขดเป็นห่วงไว้คล้องคอหรือร้อยเชือกคาดเอว

มาว่ากันถึงสาย วัดกลางบางแก้ว เท่าที่สืบค้นได้นั้น หลวงปู่บุญท่านเรียนวิชาเบี้ยแก้มาจาก หลวงปู่ทอง วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่บุญท่านสร้างเบี้ยแก้ให้แก่ศิษย์โดยท่านผู้ที่จะมาขอทำเบี้ยแก้นั้นจะต้อง นำปรอทหนัก 1 บาท ชันโรงใต้ดิน หอยเบี้ย นับให้ได้ฟัน 32 ซี่ แผ่นตะกั่ว บางรายก็หาผ้าแดงมาด้วย แล้วจึงนำสิ่งของทั้งหมดใส่ถาดพร้อมดอกไม้ธูปเทียน มาถวายหลังจากที่หลวงปู่ท่านทำอุโบสถเช้าหรือเย็นเสร็จแล้ว

หลวงปู่จะปลุกเสกปรอทแล้วจึงบรรจุปรอทลงในหอยเบี้ย แล้วนำชันโรงมาปิดปากเบี้ย จากนั้นท่านก็บริกรรมพระเวท แล้วจึงให้นำไปหุ้มตะกั่วกับพระในวัดจนเสร็จเรียบร้อยจึงนำกลับมาให้ท่านลงอักขระอีกทีหนึ่ง และปลุกเสกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงมอบเบี้ยให้เจ้าของนำไปถักเชือกเอาตามใจชอบ ส่วนมากก็ให้พระภายในวัดช่วยถักให้ บ้างก็ลงรัก บ้างก็ลงยางมะพลับ เพื่อให้เชือกที่ถักมีความคงทน

หลังจากสิ้นหลวงปู่บุญแล้ว ศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดต่อมาก็คือหลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เพิ่มท่านก็ได้สร้างเบี้ยแก้ด้วยกรรมวิธีแบบเดียวกับหลวงปู่บุญ และมีความขลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ต่อมาเมื่อหลวงปู่เพิ่มท่านชราลงมามากแล้ว ท่านจึงครอบวิชาทำเบี้ยแก้ให้แก่ท่านอาจารย์ใบทำเบี้ยแก้ต่อจากท่าน

จนปัจจุบันนี้ผู้ที่สืบทอดต่อมาก็คือหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้วนั่นเองครับ หลวงปู่เจือท่านช่วยหลวงปู่เพิ่มสร้างเบี้ยแก้มาตลอด เมื่อเวลาหลวงปู่เพิ่มท่านบรรจุปรอทลงเบี้ยแล้วท่านก็จะบอกให้นำเบี้ยไปให้หลวงปู่เจือหุ้มตะกั่วแล้วจึงนำมาให้ท่านลงอักขระปลุกเสกต่อ การทำเบี้ยแก้ สายวัดกลางบางแก้วปัจจุบันก็คือหลวงปู่เจือนี่แหละครับ เบี้ยของท่านทำได้ขลังเหมือนกันครับ หาเบี้ยแก้ที่ไหนไม่แน่ใจก็จะบอกให้ ไปที่วัดกลางบางแก้ว ไปถามหากุฏิหลวงปู่เจือดู ท่านอยู่ที่กุฏิริมแม่น้ำ บอกให้นิดหนึ่งว่าถ้าไม่เจอหลวงปู่ก็ให้ไปที่มูลนิธิหลวงปู่เจือ เขามีของที่หลวงปู่ทำไว้ ทำบุญไม่กี่บาทก็ได้มาแล้วครับ อ้อไปแล้วก็อย่าลืมขอเม็ดยาจินดามณีมาด้วยเลยถ้าที่วัดเขายังพอมีเหลือเดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก

ทั้งเบี้ยแก้และยาจินดามณีของหลวงปู่เจือนั้น ผมใช้อยู่เป็นประจำได้ผลมามากแล้ว ลูกชายผมตอนเด็กๆ นั้นเคยถูกตัวอะไรต่อยเอาก็ไม่ทราบเพราะไม่ยอมบอก พอตกกลางคืนประมาณห้าทุ่มกว่าๆ ถึงมาบอก ปรากฏว่าตัวร้อนมาก ที่มือบวมเป่งจนกำมือไม่ได้ และบริเวณมือร้อนมาก ผมก็รีบแต่งตัวเตรียมพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล ก็นึกขึ้นได้ว่ามีเบี้ยแก้ของหลวงปู่อยู่จึงนำเบี้ยมาอธิษฐาน ขอให้ท่านช่วยลูกชายด้วย แล้วจึงนำไปวางที่แผล ปรากฏว่า ผมเองยังไม่ทันแต่งตัวเสร็จเลย ลูกชายบอกว่าไม่ต้องไปหาหมอแล้ว ค่อยยังชั่วแล้ว ผมก็เอามือจับตัวและที่แผลดู ปรากฏว่าตัวไม่ร้อนแล้ว จึงนึกว่าหลวงปู่ช่วยแล้วคงไม่เป็นไร แต่ก็คอยดูอยู่ตลอดคืน เจ้าลูกชายผมนอนหลับสบายตลอดคืนนั้น พอรุ่งเช้า มาดูที่แผลกลับหายเป็นปลิดทิ้ง ที่บวมก็หาย ยุบลงเป็นปกติ หนังที่เคยบวมเป่งก็กลับเหยี่ยวลง ไม่เป็นอะไรเลย

เบี้ยแก้เป็นอิทธิวัตถุชั้นหนึ่ง เตือนใจให้สะดุ้งกลัวภัยที่มองไม่เห็น หากบุคคลใดมีไว้เป็นสมบัติ นำติดตัวโดยคาดไว้กับเอวหรือโดยประการอื่น ย่อมปกป้องภยันตรายได้ทั้งปวง เป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุดคงกระพันทุกประการ คุ้มกันเสนียดจัญไร คุณไสย ยาสั่งและการกระทำย่ำยี ทั้งหลายทั้งปวงได้ชะงัด...นักแล
ราคาปัจจุบัน
คุยกันครับ
จำนวนผู้เข้าชม
5407 ครั้ง
สถานะ
มาใหม่
โดย
ชื่อร้าน
นนท์ มหาโชค
URL
เบอร์โทรศัพท์
0890999979
ID LINE
0890999979
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี